สินค้าเกษตรของไทย ขายอย่างไรให้ปัง ๆ !!
สินค้าเกษตรของไทย
สินค้าเกษตรของไทย เป็นสินค้าที่ดี แต่มักจะเห็นได้ว่าสินค้าเกษตรทำไมถึงโดนกดราคา ขายในราคาถูก หรือมีสินค้าเกษตรจนล้นมือไม่รู้จะขายยังไง วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการที่จะทำให้สินค้าเกษตรของคนไทยเรา ขายแล้วปัง ! ไม่ง้อคนกลางอีกต่อไป ลองทำกันดูได้เลย
1.ทำรูปให้สวย ถ่ายให้เห็นถึงความสดของสินค้า
รูปสวยมีชัยไปกว่าครึ่ง ในโลกออนไลน์สิ่งที่เราจะโพสก่อนคำอธิบายสินค้าคือรูป สินค้าเกษตรหากเป็นของสดให้ถ่ายเห็นความสดใหม่ของสินค้า เช่น หากคุณจะขายทุเรียน คุณต้องถ่ายภาพทั้งเปลือกทุเรียนและด้านในซึ่งรูปจะต้องไม่มืดจนเกินไป จะตั้งเป็นกองๆหรือว่าจะลูกเดี่ยวๆก็ทำได้เช่นกัน โดยสินค้าเกษตรตัวอื่นๆก็จำเป็นต้องทำรูปให้น่าดึงดูด เพราะรูปสวยมักจะเป็นหน้าด่านที่ทำให้ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณ
2.เปลี่ยนแพ็คเกจจิ้ง(บรรจุภัณฑ์) ให้ดูดึงดูดน่าสนใจและไม่ซ้ำใคร
การมีเอกลักษณ์เฉพาะ จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับสินค้า เพราะแพ็คเกจจะเป็นส่วนสำคัญที่ลูกค้าเห็นก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่จะทดลองหรือตัดสินใจซื้อสินค้า
ครูเมล์เคยไปเดินดูสินค้า OTOP ต่างๆ จริงๆสินค้าเหล่านี้มีคุณภาพและน่าใช้มากๆ แต่แพจเกจจิ้งเหมือนกันมากๆในแต่ละเจ้า ยังไม่มีความโดดเด่น จึงอยากจะให้ปรับในส่วนของแพ็กเกจ เช่น พอพูดถึงแชมพูสมุนไพร แพ็กเกจจิ้งที่ใส่จะเป็นขวดเรียวๆสูงๆสีดำ แปะสติกเกอร์ธรรมดา ซึ่งหน้าตาจะเหมือนกันหมด เราจึงต้องปรับในส่วนของแพ็ตเกจจิ้งให้ดูดี เราสามารถหาคนออกแบบให้ได้ เช่น Fastwork ที่ครูเมล์แนะนำไปฟรีแลนด์กราฟฟิกมีเพียบ ช่วยออกแบบให้เราได้ สร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เราได้เป็นอย่างดี
3.หมั่นสร้างคอนเทนท์ให้ความรู้
คำว่าคอนเทนท์ หลายๆท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่า มันคืออะไร ครูเมล์อธิบายง่ายๆเลยก็คือ มันคือสิ่งที่เราจะสื่อออกไปกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเรา ยกตัวอย่างเช่น ครูเมล์อยากจะขายหม้อทอดไร้น้ำมัน เพราะฉะนั้นครูเมล์ก็จะไม่ขายแบบโต้งๆเลย แต่จะสื่อสารออกโดยผ่านรูปภาพ ข้อความ วิดิโอว่าตอนนี้มีเทรนเกี่ยวกับการรักสุขภาพ เราสามารถรดูแลสุขภาพได้หลากหลาย การกินก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เราควรใส่ใจ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยใส่สินค้าของเราเข้าไปในตอนหลัง การขายสินค้าเกษตรก็เช่นเดียวกัน เช่น ครูเมล์อยากจะขายผักชนิดหนึ่ง เราต้องสื่อสารกับลูกค้าของเราว่าสิ่งที่เราจะขายมันดีอย่างไร ปลอดสารพิษ ราคาถูก เก็บเงินปลายทางได้ สดสะอาด ทำคอนเทนท์ วิดิโอตั้งแต่การปลูก รดน้ำพรวนดิน จนถึงเก็บเกี่ยว บรรจุให้กับลูกค้า เป็นการสร้างมูลค่าแล้วก็เรื่องราวของสินค้าได้อีกด้วย
4.สร้างเรื่องราวของสินค้า
ยุคนี้ใครๆก็มีมือถือ ใครๆก็สามารถใช้สื่อหรือมีช่องของตัวเองได้อย่างง่ายได้ แบบฟรีๆ เช่นช่องทางยูทูป เฟสบุ๊ค ต่างๆ การเล่าเรื่องของก็สามารถผ่านช่องทางเหล่านี้ได้ โดยการเล่าเรื่องสินค้าชนิดหนึ่งจะต้อง จัดลำดับที่่มาที่ไปของสินค้า ใส่เรื่องราวให้กับมันให้ดูน่าสนใจหรือให้ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งๆนี้มันดูผลิตขึ้นมาได้ยาก หรือว่าได้มาอย่างยากลำบาก หรือกว่าจะออกมามีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบนี้มันไม่ง่ายเลย ทำอย่างไรก็ได้ให้ออกมาแล้วน่าสนใจ น่าติดตาม ทำให้เห็นถึงประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ดูๆไปแล้วเหมือนครูเมล์ใช้คำพูดที่เพ้อฝัน แต่นั่นมันคือ! ก็คิดจิตนาการจริงๆ ซึ่งคุณ ! จำเป็นที่จะต้องมี เพื่อสร้างเรื่องราวให้กับสินค้า แต่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เช่น หากคุณมีสินค้าเกษตรเป็น มะนาวไร้เมล็ด คุณสามารถสร้างเรื่องราวตั้งแต่การปลูก การดูแล จนกระทั่งการขาย แล้วนำมะนาวไปทำอาหารได้อย่างไรบ้าง แล้วความแตกต่างของมะนาวไร้เมล็๋ดกับมีเมล็ดมันดีกว่าอย่างไร ให้ความรู้เพราะสิ่งหนึ่งที่คุณต้องคิดก็คือ “สิ่งที่คุณรู้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ก็ได้”
5.สร้างช่องทางขายออนไลน์
ในปัจจุบันนี้ไม่พูดถึงออนไลน์ คงเป็นไปไม่ได้ เราจะเห็นได้จากในยุคโควิท การขายของออฟไลน์ประสบปัญหากันค่อนข้างเยอะและได้รับผลกระทบเยอะเช่นกัน แต่การขายออนไลน์กลับเติบโตขึ้น สินค้าทางการเกษตรเน้นสดใหม่ หรือว่าหากแปลรูปก็ยังคงความอร่อยของรสชาติเดิมอยู่แบบนั้นก็จริง คนนิยมเลือกเดินซื้อเพื่อเห็นสินค้าก็จริง แต่ยุคนี้มันเปลี่ยนไป คนหันมาเปิดเพจกันมากขึ้น เปิดเพจก็เหมือนกับเปิดร้านแต่ค่าใช้จ่ายเราคือ 0 เพราะเปิดฟรีๆ และอาจจะเกิดคำถามได้อีกว่า แล้วเราจะส่งอย่างไร จะเน่าเสียไหม การส่งสินค้าหลายๆบริษัทขนส่งเอกชนได้เปิดรับสินค้าเกษตรเพื่อส่งตรงให้กับลูกค้าแล้ว
6.รีวิวสินค้าเกษตร
เขียนเรื่องราวของสินค้าแล้ว ทำคอนเท้นท์ให้ความรู้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือการรีวิวสินค้า การรีวิวสินค้าทำได้บ่อยๆ เช่นหากเรากำลังขายฟักทอง เราสามารถรีวิวว่าฟักทอง สามารถนำไปประกอบอาหารอย่างไรได้บ้าง หรือว่านำไปนิ่งสดๆกินแบบร้อนๆได้ นำไปทำขนมสารพัดอย่างไร การรีวิวทำได้โดยอัดวิดิโอไม่ยาวจนเกินไป หรือถ่ายรูปรีวิวแต่งสวยๆและนำไปลงตามช่องทาง Social Media ต่างๆ ทุกๆช่องทาง เพื่อเป็นการแนะนำสินค้าของเราให้ผู้ซื้อได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นและได้มองเห็นหลากหลายมุมมองของสินค้า
7.ทุกครั้งที่โพส ควรติดแฮชแท็ก # สร้างคำค้นหาสินค้าได้ง่ายๆ
# สัญลักษณ์ที่เราเห็นกันบ่อยๆในโพสของแค่ละเพจ สิ่งนี้เราเรียกว่า “แฮชแท็ก” ความสำคัญของ “แฮชแท็ก” ถือว่าไม่พูดไม่ได้เลย มันจะเป็นตัวช่วยในการค้นหา เช่น ลูกค้าสามารถค้นจากคำที่ติด “แฮชแท็ก” เพื่อมาเจอสินค้าหรือบริการของเราเช่น เราอยากจะซื้อ ข้าวออแกนิค ก็จะเสิร์ชในกูเกิ้ล ไม่ก็เฟสบุ๊ค หากคุณได้ติดแฮชแท็ก ก็จะเพิ่มช่องทางการค้นหาให้กับลูกค้าเพื่อมาเจอสินค้าของคุณได้ อย่าลืมนะคะ ! ขายสินค้าทุกครั้งพยายามติด # เอาไว้ !
ขอบคุณที่มา : ครูรถเมล์ – Chinese With May & Workshop เจาะลึกนำเข้าสินค้าจีน
